พรีเมียร์ลีก : แมนยู - เชลซี

ปิศาจแดงเปิดตัวแรง

บิ๊กแมตช์ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำเอาเหล่า ปิศาจแดง ปลื้มปริ่ม โชว์ฟอร์มเอาชนะ เชลซี และนี่คือสถิติชนะ สิงโตน้ำเงินคราม ในบ้านด้วยสกอร์ขาดลอยที่สุดนับตั้งแต่ปี 1965 ขณะเดียวกัน นี่ยังเป็นการเริ่มต้นคุมทีมใน พรีเมียร์ลีก นัดแรกที่คงไม่น่าจดจำสำหรับ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ด้วย

ความจริงแล้วอาจจะบอกได้ว่าสกอร์ที่ออกมาไม่ได้สะท้อนสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดทั้งเกม เพราะโดยรวมแล้ว เชลซี ไม่ได้เล่นแย่ขนาดนั้น และความจริงก็คือทั้งโอกาสยิง การครองบอล หรือการเตะมุม ทีมเยือนทำได้เหนือกว่าเจ้าบ้านแทบทุกอย่าง แต่ความแตกต่างในเกมนี้ก็คือความเฉียบคมในการสร้างเกมรุก ที่ต้องบอกว่า แมนยู ได้แสดงให้เห็นเกมสวนกลับอันดุดันเหมือนที่เคยทำได้ในอดีตอีกครั้ง

ขณะที่ เชลซี จังหวะยิงที่มีไม่ดีพอที่จะผ่านมือของ ดาบิด เด เคอา ได้เลย

สำหรับ 4 ประตูของ แมนยู มาจาก จุดโทษของ มาร์คัส แรชฟอร์ด ในครึ่งแรกนาที 18 กับ 2 ประตูที่ได้ติด ๆ กันในนาที 65 โดย อ็องโธนี่ มาร์กซิยาล และนาที 67 จาก แรชฟอร์ด อีกลูก

ส่วนประตูปิดท้ายเป็นผลงานของ ไอ้หนู ดาเนี่ยล เจมส์ ที่ลงเล่นเป็นตัวสำรอง และเป็นการยิงประเดิมเกมลีกนัดแรกในสีเสื้อ ปิศาจแดงด้วย

พรีวิวบิ๊กแมตช์

พรีเมียร์ลีก 2019-20 สัปดาห์แรกเริ่มต้นกันด้วยบิ๊กแมตช์ทันที และคู่เอกของนัดแรกนี้ก็คือเกมที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านรับการมาเยือนของ เชลซี

นี่คือการพบกันของสองทีมที่ถูกคาดว่าจะเป็นคู่แข่งแย่งท็อป 4 กันโดยตรง โดยที่ทั้งสองทีมมีอย่างหนึ่งเหมือนกันคือกุนซือที่ต่างก็เป็นตำนานนักเตะของสโมสรตัวเองทั้งคู่ด้วย โดย โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ หลังจากได้ทำงานมาแล้วครึ่งซีซั่น นี่เป็นฤดูกาลแรกที่ได้ทำงานเตรียมทีมอย่างเต็มที่

ส่วน แลมพาร์ด นี่จะเป็นการนำ เชลซี ลงเล่นในเกม พรีเมียร์ลีก นัดแรก และแน่นอนว่าทั้งสองกุนซือ และทั้งสองทีมต่างก็มีความกดดันไม่ต้องการผ่านเกมแรกด้วยความพ่ายแพ้แน่นอน

🙌 Ole Gunnar Solskjaer v Frank Lampard 🙌

Sunday's match will be the first-ever competitive meeting between @ManUtd & @ChelseaFC where both managers also played for their clubs#MUNCHE pic.twitter.com/TGLVQM9iY0

— Premier League (@premierleague) August 11, 2019